Deepfake คืออะไร? แทนที่หน้าบุคคลแบบเหมือนสุดๆ ประโยชน์ หรือ โทษ?

Deepfake คืออะไร? แทนที่หน้าบุคคลแบบเหมือนสุดๆ ประโยชน์ หรือ โทษ?

หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า Deepfake กันมาบ้าง มันคือเทคโนโลยีที่ใช้ AI ในการแทนที่หน้าบุคคลหนึ่งไปใส่อีกคนหนึ่ง เช่นเอาหน้าดาราดังมาแทนที่ในอีกวิดีโอหนึ่งสร้างความฮือฮา เราลองทำความเขัาใจเรื่อง Deep Fake และประโยชน์และโทษของมันกัน อย่างไรก็ตามทาง Dfine3D เราสนับสนุบการนำ Deepfake ไปใช้งานเชิงสร้างสรรค์

Deepfake มีความหมายตรงตัวคือ Fake แปลว่า ปลอมหรือหลอก, Deep แปลว่าลุ่มลึกหรือแนบเนียน แปลตรงๆคือ การปลอมแปลงแบบแนบเนียน ดูชื่อแล้วออกแนวไม่ดีใช้ไหมครับ? แต่จริงๆมันที่ข้อดีมากๆอยู่เช่นกัน การนำไปใช้อุตสหกรรมบันเทิงทำให้ลดต้นทุนการสร้างและถ่าย สร้างบุคคลเสมือน การวิจัยต่างๆ การเอาไปใช้ในทางที่ผิด การสร้างข่าวปลอม ทางเรามองว่าขึ้นอยู่กับการนำไปใช้เพื่อเป็นเหรียญสองด้านมีคุณ และมีโทษ เราจะมาลงลึกในหัวข้อต่างๆด้านล่างดังนี้

หลักการทำงาน ของ Deepfake

ดีฟเฟค มีหลักการทำงานคือ ไฟล์รูปหน้าต้นฉบับที่ต้องการไปแทนที่เรียกว่า “Source” และ ไฟล์รูปหน้าของ Video ที่เราต้องการให้หน้า Source มาแทนที่เรียกว่า “Destination” กระบวนการนี้ถ้ายิ่งมีความจำนวนรูปของ Source มากเท่าไหร่ยิ่งสามารถสร้าง Deepfake ได้แนบเนียนเท่านั้น จะสั่งเกตุได้ว่า Deepfake ส่วนใหญ่ที่เห็นใน Youtube นั้นจะเป็นคนดังแทบทั่งสิ้น เช่น Tom Cruise, Robert Jr. เป็นต้นเพื่อมีรูปอ้างอิงเยอะมาใน Internet หากเป็นคนทั่วไปอาจจะทำโดยการอัดวิดีโอ Source ให้นักแสดงพูดและทำสีหน้าต่างๆกันสัก  15-20นาที เพื่อให้มี Database ระดับหนึ่งให้ AI ได้เรียนรู้

  1. รวบรวม Source จะเอารูปของคนนั้นๆ จำนวนมากกว่า 1000รูป++ หรือ อัด Video ของคนนั้น โดยให้ทำสีหน้าต่างๆ การพูดคุยโต้ตอบ เพื่อสร้างเป็น Database ให้ AI ได้เรียนรูป
  2. เตรียม Destination ถ่าย Video หรือ สื่อที่ต้องการให้ Souce มาแทนที่
  3. ให้ AI เรียนรู้    หรือเราเรียกกระบวนการนี้ว่า Train AI ฝึกปัญญาประดิษฐ์ให้เรียนรู้หน้าตาของ Source ยิ่งมีข้อมูล Database มายิ่งเหมือน
  4. แทนที่หน้า เป็นการแทนที่หน้า Source ไปที่หน้าของ Destination

กระบวนการที่กล่าวมาข้างต้นใช้เวลาหลายชม. หรือ หลายวัน (มี AI ที่ฝึกไปแล้วเป็นดาราดังอยู่หลายตัว การนำไปใช้ให้คำนึงเรื่องลิขสิทธิ์)

AI จะทำการเรียนรู้ใบหน้า จาก Database ไปเรื่อยๆแล้วไปแทนที่ใน Video ปลายทาง การทำงานในส่วนใช้เวลาและการคำนวณของเครื่องที่หนักหน่วง

ข้อดีของ Deepfake การนำไปใช้เชิงสร้างสรรค์

Deepfake สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกระบวนการสร้างภาพยนต์ การทำงาน VR, AR, Virtual Effect การแทนที่หน้าทำให้การทำงานตัดต่อง่ายขึ้น ปัจจุบันมีการนำไปใช้กับผู้คนที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น Concert ของไมเคิล แจ็คสัน และการสร้าง AI BOT ในการให้การบริการในโรงพยาบาล ศูนย์บริการสนามบินเป็นต้น สรุปเป็นข้อได้ไดัดังนี้

  • วงการบันเทิง ช่วยในการสร้างภาพยนต์ หรือเกมส์ให้สมจริงมากยิ่งขึ้น แทนที่หน้าตัวละครลงไป
  • ชุบชีวิตผู้ล่วงลับ หากมีข้อมูลรูปถ่ายมากพอเราสามารถสร้าง สังเคราะห์บุคคลเสมือนขึ้นมาได้ บุคคลสำคัญที่ล่วงลับ ขึ้นมาในพิพิธภัณฑ์ หรือ ชุบภาพเสมือนของพ่อแม่ของเราที่ตายไปแล้ว
  • พนักงานต้นรับเสมือน สามารถไปประยุกต์ใช้ ในการพนักกงานตอนรับที่เป็น AI เหมือนคนเสมือน ใช้ในโรงพยาบาล สนามบิน หรือในห้างสรรพสินค้า
  • Influencer เสมือน เหมือนข้างต้นข้างบนเป็นนำ ดารา คนดัง เช่นคุณหมอคนเก่ง มาอธิบาย, แนะนำ, ชี้ชวน
การนำเทคโนโลยี Deepfake มาใช้งานเชิงประยุกต์
โฆษณา ไก่ย่าง5ดาว เนื้อหาบอกเล่า แม่ที่ตายไปแล้วลูกคิดถึง ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างแม่ขึ้นมา ใครยังไม่ได้ดู เข้าไปดูได้ https://www.youtube.com/watch?v=ICMaMKLPjEc

โทษของ Deepfake และเราจะรู้ได้อย่างไงว่าเป็น Deep Fake

Deepfake จากคำแปลตรงตัวก่อนหน้านี้ “การปลอมแปลงอย่างแนบเนียน” ถ้าเอาไปใช้ในทางที่ผิด ยอมเกิดปัญหาตามมามากมาย เช่นการนำไปสร้างข่าวปลอม การสร้างข้อมูลเท็จ ณ ปัจจุบันผมว่ายังทราบได้อยู่ว่าปลอมแปลง หากดูเฟรมต่อเฟรม ผู้เชี่ยวชาญสามารถจับได้ แต่ในอนาคตเมื่อ AI เก่งขึ้นมากเราอาจจะแยกไม่ออกก็ได้

ข้อสังเกตุ การเชคง่ายๆว่า Deepfake หรือเปล่าให้ดูแสงเงาที่ตกกระทบที่ใบหน้า Frame ต่อ Frame โดยมาก Deepfake จะมีแสงกระทบที่จุดเดิมๆซ้ำๆกันตลอด แม้ Destination มีการหันหน้าไปทางอื่น เนื่องจากเป็นแทนที่จากรูป Source ที่มักจะมีแสงเงาด้านเดียว | อีกข้อหนึ่งให้ดูตะเข็บที่ใบหน้าสังเกตุ Frame ต่อ Frame จะมีบางจุดบางครั้งที่ไม่เนียบอยู่

สรุป Deepfake ในหนึ่งย่อหน้า

ดีฟเฟคมีประโยชน์อย่างมากกับมนุษย์ทั้งในด้านวงการบันเทิง การชุบชีวิตคนขึ้นมากเป็นบุคคลเสมือน ใช้ในการบริการให้ข้อมูลกับมนุษย์ แต่มีโทษมหันต์เช่นกัน ในแง่การปลอมแปลง สร้างข่าวเท็จ อยู่ที่คนนำไปใช้ ทาง Dfine3D แนะนำสนับสนุนให้ไปใช้งานในเชิงสร้างสรรค์ ส่วนการป้องกัน Deepfake นั้นบอกเลยว่ายาก เพราะมันใช้หลักการให้ AI เรียนรู้สีหน้าของ Source หากมีข้อมูลใน Database มากเท่าไหร่ยิ่งแนบเนียน ซึ่งปัจจุบันคนเรา Update รูปใน Facebook Instagram กันเยอะมากมายในโลก Internet เลี่ยงได้ยากหากจะมีคนนำไปใช้ในทางที่ผิด การสังเกตุ Deepfake ยังสามารถทำได้ดูการดูเรื่องแสงเงา และ ตะเข็บในรอยหน้า แต่อนาคต AI อาจจะฉลาดมากจนเราแยกไม่ออก

ขั้นตอนการสร้าง Deepfake แบบง่ายๆ

สามารถอาจได้จากบทความ ต่อๆไปของเรา >> Click

ขั้นตอนการสร้าง Deepfake แบบ Advance

สามารถอาจได้จากบทความ ต่อๆไปของเรา >> Click


Leave a Reply